สำหรับตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” เริ่มมั่นใจแล้ว ว่าทีมจะได้ชูถ้วยแชมป์แรก ลีกสูงสุดที่ตนไม่เคยได้สัมผัสเลยกว่า 3 ทศวรรษได้ หลังจากที่ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่บนอันดับสองของตาราง แพ้ให้กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการคว้าชัยอีกแค่ 6 แมตช์จาก 13 แมตช์ ซึ่งจากสถิติแล้ว ก็เป็นไปได้สูงมากที่ทัพ “หงส์แดง” จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ เป็นครั้งแรก

การพ่ายแพ้ของ “เรือใบสีฟ้า” ในเกมล่าสุดทำให้ พวกเขาพลาดโอกาสในการเก็บ 3 แต้ม ซึ่งตอนนี้พวกเขามีเพียง 51 คะแนน และยังตามหลัง ลิเวอร์พูล ถึง 22 คะแนน จากการเล่น 25 เกม ในทางทฤษฎี แมนฯ ซิตี้ ก็ยังมีลุ้นที่จะแซงหน้าหน้า ลิเวอร์พูล ได้ แต่เมื่อมองกันในทางปฏิบัติโอกาสของพวกเขาแทบจะเป็นศูนย์

เมื่อคำนวณสถานการณ์ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย แต่หากพวกเขาจะชนะแบบ 100 เปอร์เซ็น พวกเขาต้องชนะอีก 6 เกมจาก 13 แมตช์ ซึ่งจะทำให้พวกเขามี 91 แต้ม เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดเป็นสมัยแรกในรอบ 30 ปี เพราะต่อให้ แมนฯ ซิตี้ ชนะในเกมที่เหลือทั้งหมด ก็ทำได้แค่ 90 คะแนนเท่านั้น

ในเวลนี้ ลิเวอร์พูล ได้สร้างสถิติคว้าชัยชนะในถิ่น แอนฟิลด์ เป็นเกมที่ 20 ติดต่อกัน เท่ากับยุคที่ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ เป็นกุนซือ เมื่อปี 1972 เคยทำได้ และ ลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบันก็ยังมีโอกาสที่จะทำสถิติแซงสถิติเดิม เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสร

ซึ่งจากการแข่งขันทั้งหมด 42 เกมที่ผ่านมาของ ลิเวอร์พูล พวกเขายังไม่แพ้ใครเลย ทำให้พวกเขาเข้าใกล้การทุบสถิติไร้พ่ายของทีม อาร์เซน่อล ที่ทำไว้ 49 เกม เมื่อปี 2005