กองหน้าวัย 31 ปี แห่งชิมิสึ เอส-พัลส์ สโมสรดังในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น “ธีรศิลป์ แดงดา” แนะนำนักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่อยากมาเล่นในเวทีลูกหนังแดนอาทิตย์อุทัย ต้องมีการวางแผนอย่างไร เรามีบทสัมภาษณ์ของเขามาให้คุณ
“ที่มันยาก เพราะเราไม่สามารถบอกได้ว่าอันไหนมันถูกอันไหนมันผิด เพียงแต่อยากจะบอกว่าโอกาสมันไม่ได้มีมาทุกวัน และไม่ได้มีสำหรับทุกคน วันที่เราพร้อมที่สุดอยากจะออกมา แต่บางทีมันก็ไม่มีโอกาสก็ได้ เพราะฉะนั้นในโอกาสแต่ละครั้ง มันอยู่ที่ตัวนักบอลจะตัดสินใจว่าคุณจะเลือกอย่างไร
“สำหรับผมโอกาสที่เข้ามา ในวันที่เราอายุ 29 มีครอบครัวแล้ว วันนี้ 31 ปีก็มีโอกาสมาอีกครั้ง ก็ทำตัวให้พร้อมกับโอกาสที่เข้ามาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจะมาตอนเด็ก หรือจะมาตอนประสบความสำเร็จแล้ว ผมมองว่ายังไงมันก็ได้ประโยชน์
“ยกตัวอย่าง ฮัลค์ กองหน้าบราซิล ก็มาเจลีกตั้งแต่ตอนเด็ก เล่นอยู่เจลีก 2 วนเจลีก 1 และก็กลับไปยุโรป สุดท้ายกลับมาเล่นที่จีนอะไรอย่างนี้ ผมมองว่ามันเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่า อย่างเจ ชนาธิป อยู่ในช่วงที่กำลังดี มาญี่ปุ่นและกำลังพัฒนาร่างกายต่อ พัฒนาเรื่องของฟุตบอลต่อ มันเลยต่อเนื่อง ในทางกลับกันอย่างผมอายุได้ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะออกมา การพัฒนามันก็จะหยุดลงไป 1 ฤดูกาล 2 ฤดูกาล เพื่อที่เราจะรอโอกาส มันอาจจะเติบโตแค่แบบทีละนิด มันไม่ได้ต่อเนื่องทีเดียว
“ถ้ามองว่าเด็กไทยมา แน่นอนการพัฒนาของตัวนักฟุตบอลเองมันต่อเนื่องแน่นอน และมันจะก้าวกระโดดแน่ ๆ ถ้ามองในเรื่องของฟุตบอลนะครับ แต่มันก็ยังมีปัจจัยอย่างอื่น ทั้งครอบครัวเอง การใช้ชีวิตข้างนอกเอง วัฒนธรรมอะไรแบบนี้ ด้วยความที่เรายังเป็นเด็ก เราต้องรับผิดชอบตัวเอง มีวินัยค่อนข้างสูง มันอาจจะเป็นปัญหา แต่เชื่อว่ามันก็เป็นปัญหาในช่วงแรก ๆ เพราะทุกอย่างมันก็ต้องปรับตัว ไม่ว่าจะย้ายทีม หรือว่าเราจะไปอยู่ที่ใหม่ ๆ มันก็จะมีการปรับตัวเกิดขึ้นอยู่แล้ว
“สิ่งสำคัญคือหากเรายิ่งปรับตัวได้เร็วมากเท่าไร มันก็จะเป็นสะพานหรือเป็นบันไดให้เราเดินขึ้นไปข้างบนได้เร็วมากที่สุดเท่านั้นเอง จะมาต่อเจลีกและไปยุโรปก็ได้ เพราะเจลีกผมมองว่าเขาก็มีแนวคิดแบบนี้ อย่างเด็กอายุน้อย ๆ ก็ไปเล่นที่ยุโรปแล้ว ไปปรับตัวเรื่องวัฒนธรรม ไปอยู่ในทีมที่มีโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอ และนักฟุตบอลมันก็จะค่อยปรับตัวพัฒนาเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น และก็ก้าวไปสู่ความสำเร็จ
“ฟุตบอลมันก็เป็นขั้นบันไดเหมือนกัน บางทีมันจะก้าวกระโดดไปเลยไม่ได้ มันก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเรื่องของสรีระร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อ มันใช้ระยะเวลาหลายปี กว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่ดีพอที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพในระดับสูง ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดไปผมมองว่าถ้ามีโอกาสก็ให้มา
“อย่าไปคิดว่าจะมาแล้วประสบความสำเร็จ หรือมาแล้วล้มเหลว สุดท้ายเหมือนเราได้พัฒนาตัวเอง มีโอกาสมาในที่คนอื่นไม่ได้มา ในเมื่อโอกาสมาถึงเราต้องคว้าเอาไว้ ผมเชื่อว่าทุกคนมันมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่เราก็ต้องเลือกว่าสิ่งไหนที่เราต้องการมากที่สุด มันไม่มีผิด มีถูก แต่มันอยู่ที่โอกาส และเวลามากกว่า”