มาต่อกันที่ครึ่งหลังแมตช์แดงเดือดระหว่างลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับเก่าที่ปฏิเสธชัยชนะของ “หงส์แดง” ไปเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา ครึ่งแรก เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกโหม่งของ ฟาน ไดจ์ค และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เกมในครึ่งหลังเริ่มมาแค่ 2 นาที โรเบิร์ตสัน ส่งบอลเข้ากลางมาให้ ซาลาห์ ยิงจ่อ ๆ แต่พลาดหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น ในนาทีที่ 47
อีกหนึ่งนาทีต่อมา เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมมีโอกาสยิงไกลนอกกรอบขอโทษ บอลพุ่งชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ยังคงเป็นเจ้าบ้านที่ได้ครองบอล และคุมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ในนาทีที่ 52 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เจ้าหนูเบอร์ 66 ยิงไกลจากนอกกรอบ แต่เด เคอา นายด่านทีมเยือนปัดไว้ได้
ต่อมาเป็นทีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสสวนกลับในนาที 57 เฟร็ด ยิงออกหลังไป มาร์กซิยาล เก็บบอลได้ทำชิ่งกับ อันเดรียส ส่งกลับให้ มาร์กซิยาล ยิงเต็มข้อบอลข้ามคานออกไปอีกเช่นเคย ในนาทีที่ 58
ในนาทีที่ 62 เจ้าบ้านได้โต้กลับอีกครั้ง จากจังหวะที่ มาเน่ พาบอลทะลุเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งจ่ายเผื่อให้เพื่อนหน้าประตู บอลเฉียดเสาออกข้างไป
นาทีที่ 65 คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง ลัลลานา ลงสนามแทน อ็อกซ์
ในนาที 67 แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสยิงบ้าง เป็น มาร์กซิยาล ยิงบอลจากระยะไกล อลิสสัน เซฟไว้ได้ บอลยังอยู่ในสนามและจังหวะต่อเนื่องในนาทีที่ 68 เฟร็ด มีโอกาสยิงนอกกรอบอีกครั้ง แต่ อลิสสัน นายด่านจอมหนึบก็ปัดออกหลังไปได้
คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนตัวอีกครั้งในนาทีที่ 82 ส่ง โอริกิ มาแทน มาเน่ และฟาบินโญ่ ลงมาแทน เฟอร์มิโน่
นาทีที่ 83 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษทางด้านซ้าย เป็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับหน้าที่อีกเช่นเคย เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ แต่ไม่ถึงเพื่อนคนใด
ในนาที 88 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกบ้าง เป็น เฟร็ด รับหน้าที่เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ถูก ฟาน ไดจ์ค สกัดออกไปได้
นาทีที่ 90+3 ช่วงทดเจ็บ อลิสสัน รับลูกยิงประตูไว้ได้สบาย ก่อนจะเปิดบอลไกลโต้กลับไปให้ ซาลาห์ วิ่งจากครึ่งสนามพาบอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะยิงผ่านตัว เด เคอาไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็น 2-0